บ้านข้างน้ำ: ผีเด็กสาวที่ยังคงหลอกหลอน

ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีบ้านหลังหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 20 ปี ไม่มีใครกล้าสัญจรผ่านไปใกล้บ้านหลังนั้นเลย เพราะทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าบ้านหลังนั้นมีเรื่องเล่าขานกันมาช้านาน เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและความเศร้าโศก

มีคนเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่และลูกๆ ทั้งสามคนใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข แต่แล้ววันหนึ่ง พ่อของครอบครัวต้องออกไปทำงานในเมืองใหญ่ และตั้งแต่นั้นมาครอบครัวนั้นก็เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปไหน

หลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านเริ่มได้ยินเสียงประหลาดมาจากบ้านหลังนั้น บางคนบอกว่าได้ยินเสียงเด็กๆ เล่นกันในบ้านในยามค่ำคืน บางคนบอกว่าได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องไห้และเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินอยู่ในบ้าน ทั้งๆ ที่บ้านนั้นไม่มีใครอยู่เลย

วันหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวงชื่อ "ปฐม" เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านข้างน้ำจากเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน แต่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเก่าๆ เท่านั้น วันหนึ่งเขาตัดสินใจไปสำรวจบ้านหลังนั้นด้วยตัวเอง

เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเสื้อผ้าหลุดลุ่ยที่ยังคงอยู่ในห้องต่างๆ เขาเริ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในอากาศ และได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากชั้นสองของบ้าน เสียงเหมือนเด็กๆ วิ่งเล่น เขาตัดสินใจขึ้นไปชั้นสองเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น

เมื่อเขาเปิดประตูห้องหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องของเด็กๆ เขาเห็นภาพที่ทำให้เขาหมดแรง สภาพของห้องเต็มไปด้วยข้าวของเก่าๆ เหมือนถูกทิ้งไว้นาน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง เธอมีดวงตาที่แดงเหมือนเลือด และเธอยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว

"ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่?" ปฐมถามด้วยเสียงสั่นเครือ

เด็กหญิงคนนั้นมองเขาด้วยดวงตาที่จ้องเขาอย่างดุร้ายแล้วตอบว่า "พวกเราไม่ได้ไปไหน พวกเรายังอยู่ที่นี่..."

ปฐมรีบวิ่งออกจากบ้านอย่างสุดชีวิต และจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านข้างน้ำอีกเลย แต่เขายังคงได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากบ้านหลังนั้นในทุกๆ คืน ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าบ้านหลังนั้นยังคงมีเรื่องราวที่ไม่สามารถจบลงได้ และจะต้องค้างคาอยู่ตลอดไป...

จนถึงทุกวันนี้ บ้านข้างน้ำก็ยังคงทิ้งร้างอยู่ ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ แต่เสียงนั้นก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน...